วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551

พระเถรีอรหันต์ถูกข่มขืน

สตรีนางหนึ่งออกบวชเป็นภิกษุนี้ ปฏิบัติธรรมจนได้บรรรลุเป็นพระอรหนต์ วันหนึ่งท่านเช้าไปบิณฑบาตในเมือง กลบจากบิณฑบาตแล้ว เขาไปในกุฎิ (กระท่อม)ที่พัก ซึ่งอยู่ในป่านอกเมือง เพื่อพักผ่อน
หารุ้ไม่ว่ามีคนมุ่งร้ายมาแองซ่อนอยู่ในกระท่อม ได้โอกาสก็ข่มขึนนางภิกษุณีจนสำเร็จความใคร่ สุดที่แรงสตรีจะด้านทานได้เจ้าวายร้ายน้ีนามว่านันทะ นัยว่าหลงรักภิกษุณีรูปนี้มานาน เมื่อนางมาบวช ก็ยังตามมารังควาน
นี้คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คราวนี้ก็เกิดวงธรรมสากัจฉา (สนทนาธรรม) ขึ้น ในหมู่ภิกษุสามเณรที่รู้เรื่อง นำเอาเรื่องนี้มาถกมาเถียง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เช่น ภิกษุณีอรหันต์ถูกข่มขืน ยังยินดีในการมหรือไม่ บางพวงว่าไม่ยินดี เพราะอรหันต์หมดราีคะตัณหาแล้วอีกฝ่าหนึ่งก็แย้งว่า พระอรหันต์ก็มีเนื้อมีหนังเหมือนคนทั่วไปย่อมจะยินดีเหมือนคนทั่วไป ไมม่ใช่ท่อนไม้ ไม่ใช่ก้อนดิน
นี้คือการสนทนาธรรม และเปลี่ยนทัศนกัน เมื่อตกลงกันไม่ได้ พระพุทธเจ้าก็จึงเสด็จมาตรัสอธิบายให้ฟังว่า...
พระอรหันต์กบปุถุชนดูภายนอกอาจเหมือนกัน แต่เงื่อนไขทางจิตใจไม่เหมือนกัน แท้จริงแล้ว พระอรหันต์หมดราคะกิเลสแล้ว ย่อมไม่ยินดีในกามอย่างแน่นอน
"เมล็ดพันธุ์ผักกาดวางไว้บนเหล็กแหลม ย่อมไม่ติดปลายเห,้กเหลม หยาดน้ำตกลงใบบวย่อมกลิ้งตกไป ไม่ติดอยู่ทีใยบบัว ฉันไใด กามย่อมไม่ติดอยู่ในใจของพระอรหันต์ ฉันน้น"
เมื่อกลุ่มสนทนาธรรมได้รับคตอบจากพระพุทธเจ้า ต่างก็เข้าใจ นี้คืออานิสงค์ของการสนทนาธรรม ถ้าหม่นประชุม หมัี่นสนทนาแลกเปลี่ยนความเห็ฯกัน ก็ย่อมไ่้ด้ความรู้ ความกระจ่างในปัญญาต่าง ๆ อันจะนำ้ไปสู่การพัฒนาตนในด้านต่างๆ นับว้าเป็นมงคลอย่างยิ่ง จบ....โปรดติดตามเรื่องต่อไป....ไม่นานเกินรอจ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น